ข่าวประชาสัมพันธ์

CGTN: จีนและฟิลิปปินส์ให้คำมั่นกระชับความร่วมมือ เพื่อบทใหม่ในความสัมพันธ์ทวิภาคี

เมื่อวันพุธที่ผ่านมา จีนและฟิลิปปินส์ได้ให้คำมั่นที่จะส่งเสริมความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ที่ครอบคลุม โดยมีการลงนามเอกสารความร่วมมือในด้านต่าง ๆ เช่น ความร่วมมือเส้นทางสายไหม (Belt and Road) การเกษตรและการประมง โครงสร้างพื้นฐาน การเงิน ศุลกากร อีคอมเมิร์ซ และการท่องเที่ยว


การบรรลุข้อตกลงดังกล่าวมีขึ้นในการหารือระหว่างประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน กับประธานาธิบดีเฟอร์ดินานด์ โรมูอัลเดซ มาร์กอส จูเนียร์ (Ferdinand Romualdez Marcos Jr.) ของฟิลิปปินส์ ซึ่งถือเป็นประมุขต่างชาติคนแรกที่จีนให้การต้อนรับในปีใหม่

ครั้งนี้ยังเป็นการเยือนจีนครั้งแรกของประธานาธิบดีมาร์กอสหลังเข้ารับตำแหน่ง และนับเป็นการเยือนประเทศนอกอาเซียนอย่างเป็นทางการครั้งแรก ซึ่งแสดงให้เห็นว่าจีนและฟิลิปปินส์ให้ความสำคัญเป็นอย่างสูงต่อความสัมพันธ์ในระดับทวิภาคี

ย้อนกลับไปในปี 2517 มาร์กอสได้ติดตามนางอิเมลดา มาร์กอส อดีตสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งผู้เป็นมารดา เดินทางไปยังกรุงปักกิ่ง ก่อนที่ทั้งสองประเทศจะสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกันในปีถัดมา

ประสานยุทธศาสตร์การพัฒนา

ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง เปิดเผยว่า จีนให้ความสำคัญกับฟิลิปปินส์เป็นอันดับแรกเสมอ และมองความสัมพันธ์กับฟิลิปปินส์จากมุมมองเชิงยุทธศาสตร์และภาพรวม

ทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะดำเนินความร่วมมือใน 4 ด้านหลัก ได้แก่ การเกษตร โครงสร้างพื้นฐาน พลังงาน และการแลกเปลี่ยนทั้งระดับวัฒนธรรมและระดับบุคลากร และเรียกร้องให้เพิ่มความพยายามในการส่งเสริมพลวัตการพัฒนา และสร้างจุดเด่นใหม่ ๆ ในสาขาเหล่านี้

จีนพร้อมที่จะทำงานร่วมกับฟิลิปปินส์ในการแก้ปัญหาทางทะเลอย่างเหมาะสม ผ่านการหารือฉันมิตร และกลับมาเจรจาเรื่องน้ำมันและก๊าซอีกครั้ง

ปธน.มาร์กอส เปิดเผยว่า ฟิลิปปินส์พร้อมดึงศักยภาพร่วมกับจีน เดินหน้ายกระดับความสัมพันธ์ทวิภาคี และกระชับความร่วมมือด้านการเกษตร โครงสร้างพื้นฐาน พลังงาน วัฒนธรรม การค้า การลงทุน วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และเศรษฐกิจดิจิทัล

จีนเป็นหุ้นส่วนความร่วมมือที่แข็งแกร่งที่สุดของฟิลิปปินส์ เขากล่าว “ไม่มีสิ่งใดหยุดยั้งความต่อเนื่องและการพัฒนาของมิตรภาพระหว่างทั้งสองประเทศได้”

ในปี 2564 จีนเป็นคู่ค้าอันดับหนึ่งของฟิลิปปินส์ โดยมีมูลค่าการค้ารวม 3.835 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยเป็นตลาดส่งออกที่ใหญ่เป็นอันดับสองของฟิลิปปินส์ ด้วยมูลค่า 1.155 หมื่นล้านดอลลาร์ และเป็นแหล่งนำเข้าสำคัญ ด้วยมูลค่า 2.68 หมื่นล้านดอลลาร์ ตามรายงานของคณะกรรมการพัฒนา และปฏิรูปแห่งชาติจีน

นอกจากนี้ จีนยังเป็นแหล่งความช่วยเหลือด้านการพัฒนาอย่างเป็นทางการที่สำคัญของฟิลิปปินส์ และเป็นต้นทางของนักท่องเที่ยวที่ไปเยือนฟิลิปปินส์มากเป็นอันดับสอง ก่อนเกิดโรคระบาดโควิด-19

ความริเริ่มเส้นทางสายไหม (Belt and Road Initiative) ที่จีนเสนอ ถือเป็นความร่วมมือเชิงลึกให้กับโครงการ “สร้างแล้วสร้างอีก” (Build, Build More) และ “สร้างให้ดีขึ้น” (Build Better More) ของฟิลิปปินส์

เสริมสร้างความร่วมมือระดับภูมิภาค

จีนพร้อมที่จะทำงานร่วมกับฟิลิปปินส์และประเทศอื่น ๆ ในอาเซียน เพื่อมุ่งเน้นความร่วมมือและการพัฒนา และคงความเป็นศูนย์กลางของอาเซียนในด้านความร่วมมือระดับภูมิภาค

ทั้งจีนและฟิลิปปินส์ต่างเป็นประเทศกำลังพัฒนาในเอเชีย เขากล่าวว่าการพัฒนาของทั้งสองประเทศมีรากฐานมาจากสภาพแวดล้อมที่เป็นมิตรและความเป็นเพื่อนบ้านที่ดี และยังเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวเอเชียครอบครัวใหญ่ที่ร่วมมือกันแบบได้ประโยชน์ทุกฝ่าย

จีนชื่นชมที่ฟิลิปปินส์สนับสนุนแผนริเริ่มการพัฒนาโลก (Global Development Initiative) และแผนริเริ่มความมั่นคงโลก (Global Security Initiative) และพร้อมที่จะทำงานร่วมกับฟิลิปปินส์เพื่อเพิ่มการสนับสนุนซึ่งกันและกัน และรักษาผลประโยชน์ร่วมกันของทั้งสองประเทศ รวมถึงประเทศกำลังพัฒนาอื่น ๆ

ปธน.มาร์กอส กล่าวว่า ฟิลิปปินส์ยึดมั่นในนโยบายจีนเดียว

“ผมตั้งตารอที่จะสื่อสารอย่างใกล้ชิดกับประธานาธิบดีสี เสริมสร้างความร่วมมือในทุกด้าน เปิดบทใหม่ในความสัมพันธ์ทวิภาคี และทำงานร่วมกันเพื่อจัดการกับความท้าทายและปัญหาที่เราทั้งสองเผชิญ” เขากล่าว

คราวที่ออกเดินทางเมื่อวันอังคารเพื่อเยือนจีนเป็นเวลา 3 วัน ปธน.มาร์กอสได้ย้ำว่าเขาจะ “เปิดบทใหม่” ในความร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับจีนอย่างรอบด้าน

ระหว่างการเยือนจีนของปธน.มาร์กอส ทั้งสองฝ่ายจะออกแถลงการณ์ร่วมระหว่างทั้งสองประเทศในลำดับต่อไป

https://news.cgtn.com/news/2023-01-04/Xi-holds-talks-with-Philippine-president-in-Beijing-1gk3hMeQGGI/index.html

Email

Media123