การเลือก ประกันภัยรถยนต์ เป็นสิ่งสำคัญที่เจ้าของรถทุกคนควรทำ เพราะนอกจากจะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายหากเกิดอุบัติเหตุแล้ว ยังเพิ่มความมั่นใจให้กับการขับขี่ แต่หลายคนอาจสงสัยว่า ประกันภัยรถยนต์ชั้น 1, 2+, 3+, และชั้น 3 ต่างกันอย่างไร และควรเลือกแบบไหนให้คุ้มค่าและเหมาะกับการใช้งาน บทความนี้มีคำตอบ
คุ้มครองครอบคลุมที่สุด เหมาะสำหรับคนที่เพิ่งออกรถใหม่ หรือผู้ที่ต้องการความสบายใจสูงสุด
👉 จุดเด่น: เหมาะกับรถใหม่ และคนที่อยากขับขี่แบบไร้กังวล
👉 จุดด้อย: เบี้ยประกันค่อนข้างสูงกว่าประเภทอื่น
คุ้มครองใกล้เคียงชั้น 1 แต่มีข้อจำกัดบางประการ โดยเฉพาะกรณีไม่มีคู่กรณี
👉 จุดเด่น: เบี้ยประกันถูกกว่าชั้น 1 แต่ยังครอบคลุมกรณีสำคัญ
👉 จุดด้อย: หากเกิดอุบัติเหตุแบบไม่มีคู่กรณี เจ้าของรถต้องจ่ายเอง
ตัวเลือกที่คุ้มค่าราคาประหยัด เหมาะสำหรับรถที่ใช้งานมาหลายปี
👉 จุดเด่น: เหมาะกับรถที่มีอายุการใช้งานหลายปี ใช้งบจำกัด
👉 จุดด้อย: ความคุ้มครองน้อยกว่าแบบชั้น 1 และ 2+
ประหยัดที่สุด แต่คุ้มครองน้อยที่สุด
👉 จุดเด่น: เบี้ยประกันถูกที่สุด
👉 จุดด้อย: ไม่ครอบคลุมรถเราเลย หากเกิดอุบัติเหตุอาจต้องจ่ายค่าซ่อมเอง
ประเภทประกัน | คุ้มครองรถเรา | คุ้มครองคู่กรณี | รถหาย/ไฟไหม้ | ภัยธรรมชาติ | เบี้ยประกัน |
---|---|---|---|---|---|
ชั้น 1 | ✅ | ✅ | ✅ | ✅ | สูง |
ชั้น 2+ | ✅ (มีคู่กรณี) | ✅ | ✅ | ❌ | ปานกลาง |
ชั้น 3+ | ✅ (มีคู่กรณี) | ✅ | ❌ | ❌ | ถูก |
ชั้น 3 | ❌ | ✅ | ❌ | ❌ | ถูกที่สุด |
👉 ก่อนตัดสินใจ ควร เปรียบเทียบประกันภัยรถยนต์ จากหลายบริษัท เพื่อให้ได้ความคุ้มครองที่ตรงกับความต้องการที่สุด