ADVERTISEMENT

Bridgerton” คือซีรีส์แนวดราม่าและโรแมนติกที่ได้รับความนิยมอย่างมากตั้งแต่ที่ฉายครั้งแรกบน Netflix ซีรีส์นี้สร้างโดย Chris Van Dusen และอิงจากนิยายชุดขายดีของ Julia Quinn เรื่องราวของ Bridgerton เล่าเกี่ยวกับชีวิตของตระกูลผู้ดีในยุครีเจนซี่ของอังกฤษ ที่เต็มไปด้วยความรัก ความลับ และดราม่าที่ซับซ้อน บทความนี้จะพาคุณไปสำรวจความสำเร็จและเสน่ห์ที่ทำให้ Bridgerton กลายเป็นที่รักของผู้ชมทั่วโลก

บทเริ่มต้นของเรื่อง

เรื่องราวของ Bridgerton เริ่มต้นในปี 1813 ที่ลอนดอน ในช่วงฤดูเข้าสังคมที่สาวๆ และหนุ่มๆ จากตระกูลผู้ดีต่างพากันเข้าสังคมเพื่อหาคู่ครอง ซีรีส์เน้นไปที่ตระกูล Bridgerton ซึ่งประกอบด้วยแม่หม้าย Lady Violet Bridgerton และลูก ๆ ทั้งแปดคนคือ Anthony, Benedict, Colin, Daphne, Eloise, Francesca, Gregory, และ Hyacinth

ตัวละครหลักและการพัฒนาตัวละคร

หนึ่งในเสน่ห์ที่ทำให้ Bridgerton น่าสนใจคือการสร้างตัวละครที่มีมิติและพัฒนาอย่างมีเหตุผล ตัวละครแต่ละตัวมีเรื่องราวและปัญหาส่วนตัวที่ผู้ชมสามารถติดตามและเข้าใจได้

Daphne Bridgerton ลูกสาวคนโตของตระกูล Bridgerton เธอเป็นตัวละครหลักในซีซั่นแรก ที่ต้องเผชิญกับการหาคู่ครองที่เหมาะสมและความกดดันจากสังคม การพบกับ Duke of Hastings, Simon Basset ทำให้เกิดเรื่องราวความรักที่ซับซ้อนและเต็มไปด้วยความตึงเครียด

Simon Basset Duke of Hastings เป็นชายหนุ่มที่หล่อเหลาและเป็นที่ต้องการของสาวๆ แต่เขามีปมในอดีตที่ทำให้เขาไม่อยากมีครอบครัว เรื่องราวความรักระหว่าง Simon และ Daphne เป็นจุดสำคัญที่ทำให้ซีรีส์น่าติดตาม

นอกจากนี้ยังมีตัวละครรองอย่าง Lady Whistledown ที่เป็นผู้บรรยายเรื่องราวและเผยแพร่ข่าวลือของสังคมผ่านจดหมายข่าว ทำให้ผู้ชมรู้สึกตื่นเต้นกับการค้นหาว่าใครคือ Lady Whistledown ตัวจริง

บทและการกำกับที่ยอดเยี่ยม

การเขียนบทของ Bridgerton นั้นมีความซับซ้อนและละเอียดอ่อน แต่ยังคงความเป็นเรื่องราวที่เข้าถึงได้ง่าย การกำกับของ Chris Van Dusen ทำให้ซีรีส์มีชีวิตชีวาและสามารถนำเสนอความงามของยุครีเจนซี่ได้อย่างยอดเยี่ยม การใช้ฉากและเครื่องแต่งกายที่ประณีตช่วยเสริมสร้างบรรยากาศของเรื่องได้อย่างดี

ดนตรีและการใช้สัญลักษณ์

หนึ่งในองค์ประกอบที่ทำให้ Bridgerton โดดเด่นคือการใช้ดนตรีประกอบที่ทันสมัย โดยใช้เพลงป๊อปในเวอร์ชั่นเครื่องสาย เช่นเพลง “Thank U, Next” ของ Ariana Grande และ “Bad Guy” ของ Billie Eilish การใช้ดนตรีในลักษณะนี้ช่วยเชื่อมโยงยุคอดีตกับปัจจุบัน ทำให้ผู้ชมรู้สึกใกล้ชิดกับเรื่องราวมากขึ้น

ประเด็นทางสังคมและความหลากหลาย

Bridgerton ไม่เพียงแต่เป็นเรื่องราวความรักและดราม่า แต่ยังสอดแทรกประเด็นทางสังคมและการเมือง เช่น การต่อสู้เพื่อความเท่าเทียมทางเพศ การเปิดเผยปัญหาทางสังคมในยุคนั้น และการตั้งคำถามเกี่ยวกับชนชั้นและสิทธิของคนผิวสี ซีรีส์นี้ยังได้รับการชื่นชมในการคัดเลือกนักแสดงที่มีความหลากหลาย ซึ่งช่วยสะท้อนถึงความเป็นจริงในสังคมปัจจุบัน

ความสำเร็จและอิทธิพลของซีรีส์

ตั้งแต่ที่ Bridgerton เปิดตัวในปลายปี 2020 ซีรีส์นี้ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วและกลายเป็นหนึ่งในซีรีส์ที่มีผู้ชมมากที่สุดของ Netflix ความสำเร็จนี้ไม่เพียงแค่เกิดจากการผลิตที่มีคุณภาพ แต่ยังมาจากเรื่องราวที่น่าสนใจและการสร้างตัวละครที่มีมิติ Bridgerton ได้สร้างกระแสในวงการแฟชั่นด้วยการออกแบบเสื้อผ้าที่หรูหราและเป็นเอกลักษณ์ อีกทั้งยังส่งผลกระทบต่อวงการวรรณกรรม โดยทำให้หนังสือของ Julia Quinn กลับมาติดอันดับขายดีอีกครั้ง

สรุป

Bridgerton เป็นซีรีส์ที่มีเสน่ห์และน่าหลงใหล ด้วยเรื่องราวที่น่าสนใจ ตัวละครที่มีมิติ และการผลิตที่ประณีต ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบฉากและเครื่องแต่งกาย ดนตรีประกอบ หรือการคัดเลือกนักแสดงที่มีความหลากหลาย ซีรีส์นี้ไม่เพียงแต่ให้ความบันเทิง แต่ยังสะท้อนประเด็นทางสังคมที่สำคัญ ทำให้ Bridgerton กลายเป็นซีรีส์ที่มีคุณค่าและน่าจดจำในวงการโทรทัศน์

Bridgerton ได้สร้างมาตรฐานใหม่ให้กับซีรีส์แนวย้อนยุค และยังคงเป็นที่พูดถึงในหมู่ผู้ชมทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นความตื่นเต้นในการติดตามเรื่องราวความรักที่ซับซ้อน หรือการค้นหาตัวตนของ Lady Whistledown Bridgerton จะยังคงเป็นที่รักของผู้ชมและมีอิทธิพลต่อวงการบันเทิงไปอีกยาวนาน

 

 

 

Credit ภาพ : https://www.rottentomatoes.com/tv/bridgerton

By admin