10 ตุลาคม วันสุขภาพจิตโลก : เด็กไทยกำลังเผชิญวิกฤติใจรุนแรงแค่ไหน?”

ทุกวันที่ 10 ตุลาคมของทุกปี คือ “วันสุขภาพจิตโลก” (World Mental Health Day) เป็นวันที่ทั่วโลกพร้อมใจกันรณรงค์เพื่อสร้างความเข้าใจและตระหนักถึงความสำคัญของสุขภาพจิต ซึ่งในประเทศไทยเอง ปัญหาสุขภาพจิตของเด็กและเยาวชนยังคงเป็นเรื่องใหญ่ที่ไม่ควรมองข้าม และมีแนวโน้มรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ

ภาวะวิกฤติที่เพิ่มสูงขึ้น
จากรายงานการสังเคราะห์ชุดนโยบายสุขภาพจิตประชากรไทย ปี 2567 โดยสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพหรือ สสส. และศูนย์ความรู้นโยบายสาธารณะเพื่อการเปลี่ยนแปลง พบว่า อัตราการฆ่าตัวตายสำเร็จของคนไทยเพิ่มจาก 6.11 คนต่อประชากรแสนคนในปี 2560 เป็น 7.94 คนในปี 2566 โดยเฉพาะในกลุ่มเยาวชนอายุ 15–19 ปี ที่มีอัตราการพยายามฆ่าตัวตายสูงที่สุดถึง 116.8 คนต่อประชากรแสนคน ขณะเดียวกัน ข้อมูลจากศูนย์ความเป็นเลิศด้านนวัตกรรมดิจิทัลและปัญญาประดิษฐ์เพื่อการแพทย์ด้านจิตเวชชี้ว่า เยาวชนไทยอายุ 15 ปีขึ้นไปตรวจพบอาการซึมเศร้าสูงถึง 2,200 คนต่อประชากรแสนคน ตัวเลขเหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่า “วิกฤติสุขภาพจิต” กำลังขยายตัวอย่างน่ากังวล

การบูลลี่ : ปัจจัยเงียบที่ทำร้ายใจ เสี่ยงทำ ‘เด็กป่วยทางจิตเวช’
อีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้เด็กและวัยรุ่นจำนวนมากป่วยเป็นโรคซึมเศร้าคือ “การบูลลี่” เป็นหนึ่งในปัจจัยกระตุ้นสำคัญที่ไม่ควรถูกมองข้าม เพราะ “เด็กที่ถูกบูลลี่ซ้ำๆ จะเริ่มหมดความมั่นใจในตัวเอง ไม่อยากไปโรงเรียน แยกตัวจากเพื่อนและครอบครัว เงียบ มีอารมณ์เปลี่ยนแปลง เหม่อลอย ผลการเรียนลด การกินการนอนไม่ดี ไม่สนใจทำสิ่งที่เคยชอบ บางรายมีพฤติกรรมทำร้ายตัวเอง และคิดฆ่าตัวตาย โดยที่คนรอบข้างอาจไม่ทันสังเกต”

หยุดการบูลลี่! 7 เรื่องที่ไม่ควรพูดเหยียดคนอื่น

เพื่อสร้างสังคมที่น่าอยู่และปลอดภัย มูลนิธิเด็กโสสะฯ ขอชวนทุกคนมาทบทวนตัวเอง ผ่าน “7 เรื่องที่ไม่ควรพูดเหยียดผู้อื่น” เพื่อร่วมกันหยุดพฤติกรรมบูลลี่ตั้งแต่วันนี้
1. เพศและอัตลักษณ์ทางเพศ
การเหยียดเพศเป็นปัญหาที่พบได้บ่อยที่สุด โดยเฉพาะในเด็กและวัยรุ่นที่กำลังค้นหาตัวตน คำพูดที่ล้อเลียนล้วนสร้างบาดแผลทางใจอย่างรุนแรง
2. รูปร่างหน้าตาและสีผิว
คำพูดเหยียดรูปลักษณ์ (Body Shaming) ที่ส่งผลเสียอย่างรุนแรงต่อความมั่นใจในตัวเอง และอาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพจิตได้อีกด้วย
3. เชื้อชาติ ศาสนา และวัฒนธรรม
สังคมที่ดีควรเปิดกว้างและให้เกียรติกันบนความหลากหลายทางวัฒนธรรม เพราะทุกคนล้วนมีสิทธิเท่าเทียมกัน ไม่ว่าจะแตกต่างกันในเรื่องใดก็ตาม
4. รสนิยม ความชอบ และไลฟ์สไตล์
การแต่งหน้า การแต่งตัว อาหารที่ชอบ เพลงที่ฟัง หรือกิจกรรมที่สนใจ เป็นสิทธิส่วนบุคคลที่ไม่ควรถูกตัดสิน
5. ระดับการศึกษา
แต่ละคนมีต้นทุนชีวิตไม่เท่ากัน การศึกษาคือเครื่องมือหนึ่งในการพัฒนา แต่ไม่ใช่ตัวตัดสินว่าคนคนหนึ่งจะมีคุณค่ามากหรือน้อยกว่าใคร
6. ฐานะ สถานะทางเศรษฐกิจ
ฐานะไม่ใช่สิ่งที่ใครเลือกได้ แต่ทุกคนมีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์เท่ากัน
7. อาชีพและหน้าที่การงาน
ทุกอาชีพล้วนมีบทบาทในการขับเคลื่อนสังคม เราควรเปลี่ยนมุมมองจากการดูถูก มาเป็นการให้เกียรติในหน้าที่ที่แต่ละคนทำอย่างซื่อสัตย์และขยันขันแข็ง

มูลนิธิเด็กโสสะฯ ในฐานะองค์กรที่ดูแลและคุ้มครองเด็ก ไม่เพียงให้การเลี้ยงดูเด็กทุกคนด้วยความรักและความปลอดภัย แต่ยังมุ่งปลูกฝังทัศนคติที่ดี สร้างความเข้าใจเรื่องสิทธิ เคารพผู้อื่น และส่งเสริมสิทธิมนุษยชนเพื่อความเท่าเทียมในสังคม
นอกจากนี้ มูลนิธิฯ ยังให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพจิตของแม่โสสะ คุณน้า และเด็กทุกคน ผ่านการอบรมความรู้ด้านการเลี้ยงดูและสุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่น โดยมีการประเมินสุขภาพจิตของแม่และเด็กอยู่เสมอ และมีการจัดอบรม ทำกิจกรรมต่างๆ เพื่อช่วยส่งเสริมพัฒนาการ สร้างความผ่อนคลายและความเข้มแข็งด้านจิตใจให้กับเด็กๆ เพราะเมื่อเด็กมีความมั่นคงทั้งด้านอารมณ์และจิตใจ ก็จะสามารถอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข
เนื่องในวันสุขภาพจิตโลกปีนี้ มาร่วมกันสร้างสังคมที่ปลอดภัย ปราศจากการบูลลี่ และใส่ใจสุขภาพจิตของเด็กและเยาวชนไทยไปด้วยกันนะคะ

ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการส่งต่อโอกาสและกำลังใจให้กับน้อง ๆ ในครอบครัวโสสะhttps://www.sosthailand.org/donate-now
และรับชมคลิป Never Ending Family : ครั้งแรกที่เด็กกำพร้าจะได้ถ่ายรูปกับครอบครัว ได้ที่ https://youtu.be/7HEu1ANr6c4

อ้างอิง
https://www.matichon.co.th/lifestyle/health-beauty/news_5299501
https://www.hfocus.org/content/2025/01/32784

7-things-you-should-never-say-to-someone-onepage.jpg

Email

มูลนิธิเด็กโสสะแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชินูปถัมภ์

ชื่อ-นามสกุล : ืFullName : นางสาวดลยา ชูก้าน